
ไม่มีเงินเช่าสตูดิโอ แต่อยากอัดเสียงที่บ้านให้ได้ ทำยังไง?
จริงอยู่ว่าการที่เราจะได้เสียงที่อัดมาดีๆนั้นเราต้องใช้ห้องอัดหรือ Studio ดีๆในการบันทึกเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพ แต่หลายคนประสบปัญหาเรื่องการเงิน เศรษฐกิจไม่ดี เราจะมีวิธีไหนบ้างในการอัดบันทึกเสียงให้มีคุณภาพเทียบเคียงหรือใกล้เคียงแบบสตูดิโอมากที่สุด ด้วยตัวเราเองที่บ้านได้
6 สิ่งที่คุณควรรู้ในการอัดเสียง

1. จัดห้องให้ดี
อย่าให้มีเสียงรบกวน เสียงสะท้อนเป็นอะไรที่กวนใจมาก การหาแผ่นซับเสียงมาใช้ก็ถือว่าช่วยได้เช่นกัน รวมไปถึงพวกเสียงไม่พึงประสงค์ต่างๆอย่างเสียงแอร์ เสียงพัดลมพวกนี้ก็ควรจะทำให้เงียบให้หมดด้วย

2. เลือกไมค์ให้ถูก
ไมค์โครโฟนที่เลือกใช้ก็จะมีสองแบบให้เลือกระหว่างไมค์ Condenser กับ Dynamic ทริคง่ายๆในการเลือกก็คือ หากต้องการอัดเสียงที่โทนสูงก็จะแนะนำเป็นไมค์ Condensor แต่ถ้าอยากจะอัดเสียงที่ดังกว่า และโทนเบสที่ดีกว่าก็จะแนะนำเป็นไมค์ Dynamic *ถ้าห้องอัดเราใหญ่มาก ก็จะแนะนำให้ใช้เป็นไมค์ Dynamic เพราะเจ้าไมค์ประเภทนี้จะไม่ค่อยจับเสียงสูงที่สะท้อนไปมาในห้อง

3. ลองใช้ Audio Interface
การใช้ Audio Interface จะทำให้เราสามารถอัดเสียงแบบ Analog แล้วเปลี่ยนไปเป็น Digital ทีหลังเพื่อให้ใช้บนคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสัญญาณ Digital พวกนั้นให้กลับไปเป็นสัญญาณเสียงเพื่อเล่นผ่านหูฟังและลำโพงได้อีกด้วย

4. จัดตำแหน่งไมค์ให้ดี
ปรับระดับความสูงของไมค์โครโฟนให้พอดี ขนานกับปากผู้ร้อง การใช้ Pop Filter ก็จะช่วยลดเสียง Plosive จากเสียงร้องที่ออกมาได้อย่างเช่นเสียง พ-, บ- หรือ ท- ส่วนเรื่องระยะของไมค์กับปากก็จะขอแนะนำเป็นสองอย่างคือ หากเอาปากไปใลก้ไมค์ก็จะได้เสียงที่มีความถี่ต่ำและได้เบสที่ดี กลับกัน หากเอาปากออกไกลมาจากตัวไมค์ก็จะได้เสียงที่มีความถี่สูงนั่นเอง ไม่ว่าจะใกล้ไกลก็อัดออกมาดีทั้งนั้น อยู่ที่ความชอบส่วนตัวเลย

5. ปรับความดังด้วย Gain Staging
หรือก็คือการปรับบาลานซ์ความดังของเสียง เวลาที่เสียงเข้าไมค์มาแล้วมันเบา พอไปปรับใน DAW ให้ดังขึ้น กลายเป็นว่าเสียง Noise ก็ตามมาด้วย การ Gain Staging คือการทำให้ท่อนที่ดังที่สุดตอนอัดเสียง(หากเป็นเสียงร้อง ก็ให้ร้องท่อนที่ดังที่สุด)ของเพลงให้อยู่ในระดับ -12 dbs ถึง -6 dbs เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเร่งเสียงแล้วเกิด Noise ทีหลัง

Comments