top of page
Writer's pictureADMIN JAA

6 สเต็ปของการเริ่มต้นเป็น Music Producer


1. สร้างสตูง่ายๆที่บ้านก่อน


หาห้องสำหรับทำเพลงอาจจะเป็นห้องนอนห้องนั่งเล่น หรือ ห้องเปล่าๆ แต่สิ่งที่แนะนำให้มีเป็นสามัญประจำบ้านเลยก็คือ คอมพิวเตอร์, โปรแกรมทำเพลง, Audio Interface แล้วก็หูฟังหรือลำโพงมอนิเตอร์สักตัว อาจจะมีเพิ่มเป็นคีย์บอร์ดใบ้ (MIDI Controller) หรือของเล่นเสริมชิ้นอื่นๆก็ได้ถ้างบประมาณมากพอ


2. รู้วิธีการใช้ DAW (Digital Audio Workstation)


อย่าถามว่า DAW ไหนเสียงดีสุด แต่ให้ลองหา DAW ที่เราทำงานแล้วชอบที่สุดดีกว่า เพราะ DAW แต่ละตัวนั้นล้วนมีความสามารถที่โดดเด่นในแบบของตัวเอง ทำนู่นนี่นั่นได้ตามสั่ง แอดเลยอยากจะให้เพื่อนๆเลือก DAW ที่จะใช้ให้ดี เพราะเราต้องกินอยู่ ใช้ชีวิตร่วมกันอีกนานกว่าจะไปถึงฝั่งฝันได้ คนทำเพลงหลายๆคนก็จะมี DAW ที่ชอบเป็นของตัวเองเพราะงั้นก็เลือกตามที่เราถนัดดีกว่า


3. การอัดเสียงขั้นพื้นฐาน


ในข้อนี้ เราควรจำเป็นต้องศึกษาถึงวิธีการและรูปแบบของการอัดเสียงว่ามีแบบไหน เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะสามารถทำให้เรามี Workflow ในการทำงานได้มีประสิทธิภาพแถมยังช่วยประหยัดเวลาการทำงานได้อีกด้วย

การอัดเสียงในสมัยนี้จะเป็นการบันทึกเสียงผ่านเข้าไปในโปรแกรมทำเพลง DAW และยังคงใช้เทคนิคหรือเบสิคที่ไม่ได้ต่างจากสมัยก่อนมากนัก เช่น Multitrack Recording, Overdubbing, Audio Editing


4. การหา Loop หรือ Sample มาใช้

หากเราไม่สามารถที่จะสร้างเสียงเครื่องดนตรีขึ้นมาได้ ก็อย่าลืมว่าเรายังมี Virtial Instrument ที่ช่วยสร้างเสียงสังเคราะห์ที่เราต้องการออกมาได้ มากไปกว่านั้น การหา Loop หรือ Sample มาใช้ก็ได้เช่นกัน ถ้าให้แนะนำ ใน DAW ของเพื่อนๆก็อาจจะมี Loop หรือ Sample ที่ติดมามาในโปรแกรมให้ใช้กันอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีอีกหลายเว็ปที่แจกฟรีให้ใช้หรือจะสมัครเป็นสมาชิคเพื่อใช้ Loop หรือ Sample อย่างถูกลิขสิทธ์ได้อย่างเว็ป splice.com ระวังก็แต่แค่เรื่องลิขสิทธิ์ในบางเว็ป ไม่งั้นได้หน้ามืดโดนฟ้องร้องลิขสิทธ์และเพลงเราจะมีปัญหาภายหลังแน่ๆ


5. การมิกซ์เพลง

รูปแบบของการมิกซ์นั้นมีหลายหลายและเยอะมากๆ เพราะงั้นวันนี้เราจะพูดถึงแค่เรื่องพื้นฐานก่อน เพื่อที่จะเอาไปต่อยอดได้ในอนาคต

• การใช้ DAW ในการมิกซ์เพื่อตั้งระดับเสียงและตำแหน่งของเครื่องดนตรี (Stereo) ด้วย Fader และการ Pan เสียง

• การ Balance ความถี่ด้วย Equalizer Plugin

• การควบคุม Dynamics เครื่องดนตรีของทุกเสียงให้มีความราบลื่นในการฟัง

• การใส่เสียงเอฟเฟคเพิ่มเข้าไปเช่น Reverb,Delay เพื่อให้เพลงมีมิติและสร้างความน่าสนใจแถมช่วยสร้างบรรยากาศ(Ambient) ในการฟังได้ดี


6. หาเพื่อนร่วมงาน

หลากคนหลากความถนัด เพราะงั้น การทำงานร่วมกับคนอื่นก็ถือเป็นเรื่องที่น่าลองมากๆ เราถนัดมิกซ์เพลง แต่กลับอัดเสียงได้แย่ กับอีกคนที่อัดเสียงได้ใสมาก แต่กลับมิกซ์เพลงได้ปวดหัว มันจะดีกว่าไหมถ้าเราสองคนจะมาช่วยกันทำงานในสิ่งที่ตัวเองถนัด แถมยังช่วยในเรื่องของ Workflow ทำให้เพลงเสร็จไวแบบมีคุณภาพ









Commentaires


bottom of page