
Reverb คืออะไร มันคือเสียงก้องใน Psychoacoustics เป็นการคงอยู่ของเสียงหลังจากการสร้างเสียง
เสียงก้องหรือเสียงสะท้อนถูกสร้างขึ้นเมื่อเสียงหรือสัญญาณสะท้อนออกมาทำให้เกิดการสะท้อนหรือก้องในจำนวนมาก
แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการใช้ Reverb เรามารู้กันก่อนครับว่า Reverb จริงแล้วมีกี่ประเภท
1.Room Reverb
Room Reverb เป็น Reverb ที่เบสิคที่สุดสำหรับเราคือห้องครับ Room คือพื้นที่ ที่มีกำแพงหรือผนัง มีหลายรูปทรงและหลายขนาดครับ ห้องนั้งเล่นของเรา ก็จัดว่าเป็น Room เหมือนกัน
Room Reverb ก็สามารถปรับไซส์ของมันได้ครับ จะยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งก้องมาก Room นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของคนเรา ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ได้เสียงที่ดีครับ
มักจะมีรูปแบบง่ายๆมีผนังตรงและกำแพงขนานกัน ความตรงและขนานนี้ทำให้ความผิดปกติของเสียงได้ เช่น Standing Waves,Echo,Rings และ Room Resonances ครับ
ถ้าใครที่เคยอัดเสียงจะรู้เลยครับว่ามันจะติด Reverb หรือ Room Resonances มาด้วย เสียงที่ดีในห้องนั้นเล่นนั้นก็ได้ Room ให้ความเป็นธรรมชาติและความมีชีวิตชีวากับเสียงครับ
เลยทำให้รู้สึกว่าเสียงที่เราอัดมาพอมาฟังแล้วเหมือนมีคนมาเล่นดนตรีอยู่ตรงหน้าเราเลย
เมื่อเราต้องการเสียงที่เป็นธรรมชาติ เช่นพวกแนวดนตรี Acoustic,Folk หรือ Jazz Room Reverb ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีครับ
Room Reverb เหมาะแก่การใช้กับพวก เสียงร้อง,กีต้าร์,Music Backgroud,เครื่องสายหรือเครื่องเป่า

2.Hall Reverb
พูดถึง Hall มันก็คือ Concert Hall นั้งเองครับ Concert Hall คือสถานที่ที่ถูกออกแบบให้เราเพลิดเพลินไปกับดนตรี มันถูกสร้างมาเพื่อให้มี Roommodes,Echoes,Rings น้อยที่สุด ฃ
ส่วนมากจะใช้ในการจัดแสดงคอนเสิร์ทต่างๆ ที่มีพื้นที่ใหญ่ๆ เช่นคอนเสิร์ท โอเปร่า หรือคอนเสิร์ท Indoor นั้งเองครับ
Hall Reverb เหมาะสมกับพวกเครื่องสาย,เครื่องเป่า (เหมือที่เราบอกไปนะครับ เช่น แนวดนตรี โอเปร่าหรือออเครสต้านั้นเอง) พวกดนตรีที่เป็น Background Music ก็ใช้ได้ดีเช่นกันครับ

3.Chamber Reverb
Chamber นั่นเป็นประเภทที่มี Spectrum ตรงข้ามกับ Hall ก่อนที่จะมี Digital Reverb มีเจ้าของสตูดิโอคนนึง เขาต้องการเสียงที่สะท้อนดังก้องใหญ่ๆ แต่เค้าไม่มีงบประมานในการซื้อ Hall ใหญ่ๆ เขาจึงตัดสินใจที่ใช้ห้องเล็กๆ
ที่มีพื้นผิวสะท้อนเยอะ โดยเฉพาะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (หรือห้องสี่เหลี่ยม) เพราะว่าห้องเล็กๆนั้นให้เสียงสะท้อนได้ดี มีหาง Reverb ที่มีเสียงลากยาว แต่มันต้องแลกมาด้วย Echo ที่ไม่ดี ทำให้เสียงสะท้อนค่อยดีสักเท่าไหร แต่คนเรานั้นมักก็ชอบอะไรแปลกๆครับ
มันเลยเกิดชื่อเรียกว่า Chamber Reverb ขึ้น ซึ่ง Chamber นั้นมี Coler และ Texture ที่มาก
ถ้าจะใช้งานให้เหมาะสมคงจะเป็น เครื่องดนตรีที่อยู่ในแนว Classic Rock,R&B หรือเสียงร้องเพลงแนว R&B ถ้าใครเคยฟัง มันจะมีเพลงที่เป็นเพลง POP สากลและเค้าเอามาดึง Slow และใส่ Chamber Reverb เพิ่มขึ้น เช่นเพลง Exchange ของ Bryson Tiller
จึงทำให้ Chamber Reverb มีเอกลักษณ์ที่แปลกใหม่ และเอกลักษณ์ของ Chamber Reverb คือ หางของ Reverb ที่ยาวกว่า Reverb ประเภทอื่นๆครับ
ใครที่ต้องการความด้านและความหยาบของ Reverb และมีกลิ่นเก่าๆหรือใช้ในย่านความถี่เสียงที่ตํ่า ตัวนี้ก็อาจจะตอบโจทย์ครับ แต่ต้องพึงระวังด้วยนะครับ เพราะมันอาจจะปรับยากกว่า Reverb ตัวอื่นแน่นอน

4. Plate Reverb
Plate Reverb มีหางเสียงที่ Smooth พลังงานของย่านความถี่สูงจะสลายไปเร็วกว่าย่านต่ำครับ ในขณะที่ย่านต่ำใช้เวลาก่อตัวของเสียงนาน มันเลยทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ทำให้ย่านความถี่สูงมันนำหน้าหางของ Reverb ขณะที่ย่าน ความถี่ตํ่าตามมาทีหลัง พูดอีกคือ
มันทำให้เสียงนั้นสดใสครับ ทำให้ Plat Reverb มีประโยชน์กับเสียงหลายๆแบบ แล้วมันยังเข้ากับ Reverb ตัวอื่นได้ดีอีกด้วยครับ ยกตัวอย่างที่ใช้งาน Plate Reverb เลยที่เค้าใช้งานกันก็จะเป็นเครื่องดนตรีประเภท กลองชุดนั้นเองครับ
การทำงานของ Plate Reverb จะเป็นแผ่นอลูมิเนียมแผ่นใหญ่ครับ เมื่อเสียงเข้าไปสะท้อนผ่านแผ่นหรือ Plate จะทำให้เกิดเสียงสะท้อนหรือก้องที่ฟังแล้วใสสะอาด (ในส่วนนี้คือการทำงานแบบ Plugin Hardware นะครับ)
แต่ในยุคนี้ Plugin ที่เป็นซอฟแวร์ ก็เลียนแบบการทำงานเช่นเดียวกับฮาร์ทแวร์ ไม่ว่าจะเป็นการปรับจูนน๊อปต่างๆ ที่อยู่บนอินเตอร์เฟสครับ
เราสามารถใส่ Plate Reverb ไปใน Snare และ Tom ได้ มันจะยิ่งทำให้เสียงมีมิติและสอดคล้องกันได้ดีกับเครื่องดนตรีชนิดนี้ครับ บางศิลปินก็ยังใช้ Plate Reverb กับเสียงร้องแบบ Pop หรือกีต้าร์โปร่งได้อีกด้วยครับ
ถ้าจะพูดถึง Plate Reverb แล้วคงเหมาะแก่เครื่องดนตรี ประเภท กลองชุด,เสียงร้องที่มีย่านความถี่สูง,และการโซโล่กีต้าร์ครับ

5.Spring Reverb
Spring Reverb คือการสะท้อนเสียงกลับของ Spring Reverb มีความคล้ายกับการออกแบบของ Plate Reverb แต่เปลี่ยนจากแผ่นเป็นสปริงแทนครับ จะให้เสียงสะท้อนที่ไม่เหมือนใครและเสียงที่แตกต่างจากธรรมชาติ ซึ่งใช้งานดีกะบการบันทึกเสียงกีต้าร์หรือตู้แอมป์
Spring Reverb มักจะถูกปรับตัว Spring ทำให้แน่นหรือคล้ายเพื่อปรับความเร็วของการสะท้อนกลับ ความเร็วนี้คล้ายกับความเร็วที่อาจจะกำหนดไว้ในปลั๊คอิน Delay สำหรับนักร้อง Spring Reverb นั้นมีประโยชน์มากๆ เพราะให้เสียงที่ดีมากๆ
ถ้าจะพูดถึงการใช้งาน Spring Reverb เลย คนที่เล่นกีต้าร์ส่วนใหญ่ก็ใช้งานกันเยอะมากครับ Spring Reverb มีที่เป็น Pedal เหยียบอีกด้วยนะครับ จึงเป็นอีกหนึ่ง Effect ที่มือกีต้าร์ใช้งานกันเยอะพอสมควรครับ
เครื่องดนตรีที่ใช้กันบ่อยๆเลยจะเป็นพวก กีต้าร์ โซโลกีต้าร์ และเสียงร้องครับ มันทำให้โทนและเสียงนั้นดูสะอาดแล้วก้องแบบมีมิติครับ (เลยเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนที่เล่นกีต้าร์ครับ)
มีเพลงนึงนะครับที่เค้าใช้ Spring Reverb แต่งเสียงร้องและทำให้ดูมีสเน่ห์กับเสียงร้องที่ศิลปินนั้นร้องคือเพลง Rolling in the Deep ของ Adele นั้นเองครับ
ด้วยเสียงที่สูงและมีเอกลักษณ์ Producer ทำเพลงจึงใช้ Spring Reverb เพื่อทำให้เสียงนั้นดูมีมิติและมีเสน่ห์ครับ

การใส่ Reverb แต่ละชนิดจะมีเอกลักษณ์ต่างกันไป แต่สำหรับ Producer เทพๆบางคน ได้กล่าวไว้ว่า (การใส่ Reverb แต่ละชนิดแล้วจริงๆขึ้นอยู่กับ Source หรือเสียงที่เราอัดมาว่ามีจุดเด่นยังไง บวกกับการใช้ Reverb ชนิดต่างๆทำให้เสียงนั้นดูดีและแปลกขึ้นไปอีกครับ)
อีกอย่างนะครับ เราควรใส่ให้พอดี เพราะถ้าใส่มากไปละก็อาจจะเหมือนเพลงนั้นเปิดอยู่ในท่อนํ้าทิ้งใหญ่ๆใต้ดินแน่นอนครับ
Youtube : Tong Apollo
Instagram : classabytongapollo
Facebook : สอนทำเพลงออนไลน์ Class A by Tong Apollo
TikTok : Class A by Tong Apollo
#สอนทำเพลงออนไลน์ #แต่งเสียงร้อง #classabytongapollo
Comments