6 สิ่งที่ต้องทำก่อนที่เราจะ pre-master !!!
- ADMIN JAA
- May 27, 2023
- 1 min read

การ Mastering ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการผลิตเพลง จะเกิดเมื่อคุณส่งออก final mix จาก DAW เพื่อทำการ mastering แต่สงสัยกันไหมครับว่า pre-mastering คืออะไรกันแน่? แล้วเราควรต้องทำยังไงถึงจะถูกต้อง? วันนี้ผมจะอธิบายทุกสิ่งเกี่ยวกับการ pre-mastering ให้ฟังครับ
Pre-mastering คืออะไร?
Pre-mastering
หมายถึงขั้นตอนใดๆที่คุณทำเมื่อสิ้นสุดกระบวนการมิกซ์และเตรียมเตรียมมาสเตอร์นั่นเอง
pre-mastering คือไฟล์ที่มีคุณภาพพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป นั่นคือการมาสเตอร์
pre-mastering มักจะถูกส่งไปยังค่ายเพลงเพื่อตรวจเช็คว่าพร้อมจะทำ final stage หรือไม่ โดยจะมี master engineer เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหน้าที่นี้
และสำหรับเพลงสมัยนี้ จำเป็นอย่างมากที่ต้องมีการพรีมาสเตอร์เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานนั้นถูกต้องสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ และผมมี 6 ขั้นตอนง่ายๆในการ pre-mastering มาฝากครับ

1. ลอง reference
หากถามว่าเราจะมิกซ์เสียงเสร็จจริงๆตอนไหน? เป็นอะไรที่ตอบยากจริงๆครับ
แต่เดี๋ยวนี้มีเวิร์กโฟลว์ DAW ที่ทันสมัยทำให้สามารถปรับแต่งโปรเจ็กต์ได้ง่ายตลอดการทำงาน และ mix referencing ก็เป็นวิธีที่ดีเลยทีเดียว คุณลองใช้เพลงโปรด หรือมิกซ์อื่นที่คุณเคยทำไว้มา ทำการ reference ดูก็ได้ครับ จากนั้นจดสิ่งที่แตกต่างและปรับเปลี่ยนไปแต่ละครั้ง การทำเช่นนี้ จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่างานคุณกำลังก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่อยู่กับที่!! จากนั้น คุณก็จะสามารถดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้อย่างมั่นใจครับ
2. เหลือพื้นที่ไว้ pre-master บ้าง
กระบวนการมาสเตอร์นั้นต้องการพื้นที่เหลือในไฟล์เสียงของคุณเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง นั่นหมายความว่าถ้าคุณมีพื้นที่หรือ headroom เหลือเพียงพอ จะทำให้การ pre-mastering ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับคือการ gain staging โดยจับตาดูระดับตลอดกระบวนการผลิตของคุณ เพื่อไม่ให้สัญญาณไปกองรวมกันที่ master bus จนทำให้เกิดเสียงขาดตอน
ดังนั้น ผมแนะนำให้คุณตั้งเป้าตั้งแต่แรกว่าจะเหลือพื้นที่เท่าใด ควรตั้งให้จุดสูงสุดของรูปคลื่นเสียงอยู่ที่ประมาณ -9 dBFS โดยที่เนื้อเสียงจะอยู่ที่ประมาณ -18 dBFS

3. ระวัง master bus ให้ดี
เอฟเฟ็กต์และขั้นตอนการทำงานที่คุณใช้กับ master bus มีความสำคัญกับ pre-mastering อย่างมาก เพราะมันจะส่งผลต่อการมิกซ์เสียงทั้งหมด จึงง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงเสียงอย่างรวดเร็ว หลายคนจึงบอกว่า master bus เป็นกระบวนการทำงานที่เสี่ยงและอันตรายมาก
ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการ master bus ที่อาจส่งผลกระทบต่อ headroom และ dynamic range ของไฟล์บอนซ์ รวมถึงการ compression จำนวนมากด้วยเช่นกัน
ไม่ผิดครับที่จะสร้างสรรค์ผลงานด้วยการ EQ saturation หรือกระบวนการใดก็ตาม เพราะมันช่วยบาลานซ์โทนเสียงและคาแรคเตอร์ของมิกซ์เสียงได้ การ compression เพียงเล็กน้อยก็ยังทำได้ครับ เพียงแต่อย่าลืมระวังเรื่อง dynamic range ก่อนที่เราจะทำการ mastering ด้วย !!
4. ตรวจสอบการแก้ไขเสียงให้แน่ใจ!
หนึ่งในเอฟเฟกต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการมาสเตอร์คือการทำให้เสียงเพลงของคุณดังพอที่จะปล่อยสตรีม ดังนั้น รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ จะได้ยินชัดขึ้นตามครับ ไม่ว่าจะเสียงคลิก เสียงป๊อป หรือพลาดการตัดต่อที่ไม่ดี หรืออาจมีแม้แต่เสียงพูดเล็ดลอดไปด้วย ต้องหามันให้เจอก่อนที่เราจะทำการ mastering มิเช่นนั้น final product คุณมีเปอร์เซ็นต์เกิดปัญหาสูงมากครับ ดังนั้น คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่างานคุณตัดต่อแก้ไขละเอียดแล้วจริงๆ

Коментарі