
ตามมาติดๆกับชุดซอฟแวร์ Mastering ตัวท็อป Ozone 10 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดจาก iZotope ที่ขนฟีเจอร์เด็ดๆมารวมถึง AI ที่คราวนี้จะถูกนำมาใช้งานด้วยแล้ว เดี๋ยววันนี้เราจะไปไล่ดูกันครับว่าเจ้าตัว Ozone 10 นี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ป่ะ ไปดูกัน!
1. ยกเครื่องใหม่กับ Master Assistant! บอกเลยว่าหลายคนที่อยากจะทำให้เพลงของเราใกล้เคียงกับเพลงโปรดที่ชอบฟังหรือไม่ก็เพลงฮิตติดชาร์ต ตอนนี้ก็ได้มีเทคโนโลยีตัวใหม่ใน Ozone 10 อย่าง Groundbreaking ที่จะช่วยแมตช์ โทน ไดนามิก และความกว้างของเพลงเราให้เหมือนกับ Reference! ด้วยการอัปเดต Assistant View ครั้งนี้จะทำให้เราปรับแต่งจุดเริ่มต้นการทำงานได้รวดเร็วกว่าที่เคย ในขณะที่ตัว Tonal Balance Curve (เส้นกราฟโค้งๆของ EQ ที่ใช้เทียบระหว่างเสียงเรากับ Reference) ยังช่วยให้เราอ่านค่าไปพร้อมกันได้ด้วย อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง Master Assistant ที่จะมี AI มาเป็นหูของเราอีกคู่ที่บอกเลยว่าไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยมาช่วยเราอีกแรง
2. เพิ่มความดังและยังคงคุณภาพของเสียงให้ดีที่สุดด้วย Magnify Soft Clip! เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาที่จะช่วยเพิ่มความดังในขณะที่ยังรักษาคุณภาพของเสียงเอาไว้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง Magnify Soft Clip ที่จะทำให้ Track ของเราพุ่งขึ้นมาข้างหน้าด้วยการใช้ Soft Clip เพื่อไปขยายตัว Maximizer’s IRC Algorithms บอกเลยว่าหลายเพลงดังๆนับไม่ถ้วนก็ใช้เจ้าฟีเจอร์นี้ด้วย
3. รายละเอียดที่มากขึ้นจากเสียง Mono ด้วย Recovery Sides! ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Recovery Side สามารถที่จะลดความกว้างของเสียงลงโดยที่ยังเก็บ”แต่ละด้านและฝั่ง(ซ้ายขวา)”ของเสียงเอาไว้อยู่ โดยที่จะทำการเก็บรายละเอียดข้อมูลในแบบของ Stereo ไว้ใน Mono เพื่อให้เรานั้นรักษาความตื้นลึก มิติต่างๆและพลังของเสียงเอาไว้ได้ในตอนที่เรากำลังจัดการเรื่องปัญหาความถี่ต่างๆอย่างเช่น เบสที่กว้างไป
4. ปรับความสมดุลของเสียงด้วย Stabilizer Module! เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อใช้ในการปรับความสมดุลให้กับเสียงโดยการใช้ Mastering EQ ตัว Stabilizer Module จะทำการเกลามิกซ์ของเราให้มีความใส เป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยในการลดปัญหาเสียงสะท้อน และแก้ไขปัญหาเสียงที่แสบหู พร้อมกับทำให้ Transients ของเรานั้นมีความลื่นไหลมากขึ้น เพื่อใช้สำหรับการเอาไปเปิดฟังในสภาพแวดล้อมต่างๆ
5. เติมชีวิตชีวาด้วย Impact Module! เป็นฟีเจอร์ที่จะทำให้เพลงเรามีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นด้วยการตั้งค่า Microdynamics ของเราอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะมีตัวควบคุม 4 ปุ่ม ที่จะทำงานบนคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน ที่จะใช้ในการตกแต่งเสียงของเราให้มีความดุดันและกลมกล่อม อีกทั้งยังสามารถทำให้ Track ของเรามาเชื่อมเข้าด้วยกันเพื่อให้เสียงของเราแน่นขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ก็จะมีปรับปรุงเล็กๆน้อย ๆ อย่างเช่น
• ปรับปรุง UI ให้ดูง่ายและสามารถเลือกจุดที่เราต้องการโฟกัสเพื่อทำงานได้ไวยิ่งขึ้น✨

Comentários